10 วัสดุธรรมชาติ: สร้างสมดุลเพื่อโลก เพื่อสิ่งแวดล้อม
การใช้วัสดุธรรมชาติในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ภาชนะ และเครื่องประดับ ไม่เพียงทำให้สินค้าดูน่าสวยงามอย่างเดียว แต่ยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยการลดการใช้พลาสติกและวัสดุที่มีอันตรายต่อโลกใบนี้
10 วัสดุที่มักถูกนำมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ภาชนะ และเครื่องประทับที่เกิดจากธรรมชาติ
1. กระดาษ
กระดาษถือเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการผลิตบรรจุภัณฑ์อย่างมาก เพราะมีความแข็งแรงพอเหมาะสมที่จะรองรับน้ำหนักของสิ่งของต่างๆ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นที่เหมาะสมในการพับหรือห่อของให้แนบแน่น รวมถึงราคาที่ไม่แพง ทำให้บรรจุภัณฑ์จากกระดาษนั้นเป็นที่นิยมในการใช้งานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ กระดาษยังเป็นวัสดุที่มีการย่อยสลายได้ง่าย เมื่อถูกทิ้งที่บ่อยังชะงักการสูญเสียของธรรมชาติและช่วยลดปริมาณขยะอย่างมากในสภาพแวดล้อม
โดยปกตินิยมใช้กระดาษมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิ เช่น ถุงกระดาษ กล่องกระดาษ ซองจดหมาย ที่รองกันกระแทก ถ้วยกระดาษ จานกระดาษ แก้วกระดาษ ป้ายแท็กสินค้า กล่องกระดาษลูกฟูก และอีกมากมาย
2. ไม้
ไม้เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการทำบรรจุภัณฑ์ ในการขนส่งสินค้าและป้องกันสินค้าภายในได้อย่างดี นับเป็นวัสดุที่แข็งแรงและทนทาน อีกทั้ง การใช้ไม้ยังช่วยลดการใช้พลาสติกและวัสดุที่สร้างมลพิษในการผลิต ซึ่งมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ไม้เถือป็นวัสดุที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานในทุกสถานการณ์และสภาพแวดล้อม
โดยปกตินิยมใช้ไม้ทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิเช่น จานไม้ ถ้วยไม้ เขียงไม้ แก้วน้ำจากไม้ กล่องเก็บของ กล่องที่ใช้ในการขนส่ง กล่องลังผลไม้ ไม้พาเลท และอีกมากมาย
3. เยื่อไม้
การใช้เยื่อไม้ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมนำมาแปรูปเป็นบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการรักษาความสดของสินค้าและป้องกันการเสื่อมสภาพขณะขนส่ง นอกจากนี้ เยื่อไม้ยังสามารถนำมาใช้ทำบรรจุภัณฑ์ชนิดอื่นๆได้อีกด้วย
โดยปกตินิยมใช้เยื่อไม้ทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิเช่น กระทงเยื่อไม้ ถ้วยเยื่อไม้ ชามเยื่อไม้ ซองชา กระสอบม้วนซีเมนท์ และอีกมากมาย
4. ใยกล้วย
ใยกล้วยเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการผลิตบรรจุภัณฑ์ในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการใช้งานและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยมาก เหตุผลหลักที่ทำให้ใยกล้วยเป็นที่นิยมมากเพื่อใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ได้แก่คุณสมบัติดังนี้:
1. การย่อยสลายง่าย: ใยกล้วยมีความสามารถในการย่อยสลายที่ดี ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะและมลพิษในสิ่งแวดล้อมได้ ใยกล้วยยังสามารถย่อยสลายไปเป็นธาตุอาหารและสารอินทรีย์ในธรรมชาติได้โดยรวดเร็ว
2. ความเหนียว แข็งแรงและทนทาน: ใยกล้วยมีความเหนียว แข็งแรงและทนทานต่อแรงกด ทำให้เหมาะสำหรับการใช้เป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งแรงเพื่อป้องกันการบุบสลายหรือการสะสมของน้ำหรือสารเคมี
3. ความหนักเบา: ใยกล้วยมีน้ำหนักเบา ทำให้เหมาะสำหรับใช้เป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความเบา
โดยปกตินิยมใช้ใยกล้วยทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิเช่น กล่องใยกล้วย
จานใยกล้วย กระเป๋าจากใยกล้วย เสื้อผ้าจากใยกล้วย ผ้าพันคอจากใบกล้วย
ผ้าทอต่างๆและอีกมากมาย
5. กาบหมาก
กาบหมากเป็นวัสดุที่สามารถหาได้ง่ายในชุมชน จากต้นหมากที่เจริญเติบโตในพื้นที่นั้นๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานดังนี้:
1. ความแข็งแรงและทนทาน: กาบหมากมีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน ทำให้รองรับน้ำหนักของวัตถุขึ้นได้ดี
2. ความยืดหยุ่น: กาบหมากสามารถยืดหยุ่นได้ในการสร้างรูปร่างต่างๆ ซึ่งทำให้มีความสามารถในการปรับรูปร่างตามต้องการของผู้ใช้
3. ความสวยงาม: กาบหมากมีลวดลายและสีที่สวยงามซึ่งทำให้บรรจุภัณฑ์และสินค้าต่างๆดูสวยงามและน่าสนใจ
4. สิ่งแวดล้อม: การใช้กาบหมากเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ยังเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีการย่อยสลายได้ดีและมีการใช้งานและผลิตที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย
โดยปกตินิยมใช้กาบหมากทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิเช่น จานกาบหมาก กระเป๋ากาบหมาก หมวกกาบหมากและอีกมากมาย
6. ชานอ้อย
การนำเศษเหลือของลำต้นอ้อยมาแปรรูปใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์และวัสดุ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีประโยชน์มากในอุตสาหกรรม โดยมีลักษณะเป็นกากใยเล็กๆ ที่ได้จากกระบวนการบีบน้ำตาลและน้ำออกจากเศษเหลือของลำต้นอ้อย
นี่คือเหตุผลที่มีการนำเศษเหลือของอ้อยมาใช้ในการผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ:
1. มีทรัพยากรมากเพียงพอและราคาถูก: เศษเหลือของลำต้นอ้อยเป็นวัสดุที่สามารถหาได้ง่ายและมีราคาถูก
2. มีความแข็งแรง: แม้จะเป็นวัสดุที่มาจากเศษเหลือ กากใยที่ผลิตจากลำต้นอ้อยแต่ก็ยังมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะใช้เป็นบรรจุภัณฑ์หรือภาชนะได้อีกด้วย
3. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน: สามารถนำกากใยนั้นไปปรับเปลี่ยนรูปร่างได้ตามความต้องการของผู้ใช้
4. มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย: เนื่องจากเป็นการนำวัสดุธรรมชาติมาแปรรูป
โดยปกตินิยมใช้ชานอ้อยทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิเช่น จานชามชานอ้อย ถ่ายกัมมันต์จากชานอ้อย กระดาษชานอ้อย กล่องข้าวชานอ้อย และอีกมากมาย
7. มันสำปะหลัง
มันสำปะหลังถูกเลือกเป็นอันดันต้นๆให้เป็นบรรจุภัณฑ์ ภาชนะ และวัสดุทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการช่วยลดการใช้พลาสติกจากแหล่งวัสดุอื่นๆการใช้
นี่คือเหตุผลที่มีการนำเศษเหลือของอ้อยมาใช้ในการผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ:
1. ย่อยสลายได้: บรรจุภัณฑ์ ภาชนะ หรือวัสดุที่ทำจากมันสำปะหลังนั้นสามารถย่อยสลายได้ง่าน เมื่อถูกทิ้งไว้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ดินและน้ำ เป็นระยะเวลาหนึ่งก็จะสลายไปเป็นส่วนประกอบของธรรมชาติโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
2. ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม: บรรจุภัณฑ์ ภาชนะ หรือวัสดุที่ทำจากมันสำปะหลังนั้นมีคุณสมบัติที่ไม่เป็นพิษ ไม่มีสารก่อมลพิษที่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของมนุษย์
3. ลดการใช้พลาสติกจากแหล่งวัสดุอื่น: การใช้มันสำปะหลังในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ภาชนะ หรือวัสดุนั้น ช่วยลดการใช้พลาสติกจากแหล่งวัสดุอื่นๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
4. เป็นทางเลือกที่ยั่งยืน: มันสำปะหลังเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมากและสามารถเพิ่มการใช้ให้กับวัสดุที่มีปริมาณมากๆ ได้อีกด้วย ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนในระยะยาว
โดยปกตินิยมใช้มันสำปะหลังทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิ เช่น ถุงพลาสติกจากมันสำปะหลัง และ จามชามมันสำปะหลัง เป็นต้น
8. ฟางข้าวสาลี
การใช้ฟางข้าวสาลีในการผลิตบรรจุภัณฑ์เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเมื่อเราพบว่าในสมัยก่อนฟางข้าวสาลีถูกเผาไหม้หลังเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ ดังนั้นการนำฟางข้าวสาลีมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อลดการใช้พลาสติกหรือวัสดุอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นทางเลือกที่ดีและยั่งยืน
นอกจากนี้ การใช้ฟางข้าวสาลีในการผลิตบรรจุภัณฑ์ยังมีข้อดีอื่นๆ ดังนี้:
1. ลดการใช้พลาสติก: การใช้ฟางข้าวสาลีเป็นวัสดุในการผลิตบรรจุภัณฑ์ช่วยลดการใช้พลาสติก ซึ่งเป็นวัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากๆ และช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่สร้างขึ้นในสังคม
2. มีคุณสมบัติทนทาน: ฟางข้าวสาลีมีทนทาน แข็งแรง ทนความเย็นและความร้อน เหมาะสำหรับใช้เป็นวัสดุและบรรจุภัณฑ์ที่ต้องมีความแข็งแรงเพื่อปกป้องสินค้าภายใน
3. เป็นวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้: ฟางข้าวสาลีมีคุณสมบัติที่ช่วยให้สามารถย่อยสลายได้ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยปกตินิยมใช้ฟางข้าวสาลีทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิเช่น จานและชามฟางข้าว แก้วน้ำฟางข้าวสาลี กระติกน้ำฟางข้าวสาลี และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเด็กเล็ก เพราะไม่มีสารก่อให้เกิดภูมิแพ้
9. ไม้ไผ่
การนำไม้ไผ่มาใช้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีประโยชน์และมีคุณค่าต่อสิ่งแวดล้อม ไม้ไผ่มีคุณสมบัติหลากหลาย เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับการใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ดังนี้:
1. มีความแข็งแรง: ไม้ไผ่มีโครงสร้างที่แข็งแรงและเหนียวทน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งแรงและความทนทาน
2. มีคุณสมบัติที่สามารถย่อยสลายได้: ไม้ไผ่มีคุณสมบัติการย่อยสลายที่ดีในธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะและมลพิษในสิ่งแวดล้อม
3. มีลวดลายที่สวยงาม: ไม้ไผ่มีลวดลายและลักษณะเฉพาะที่ดูดีตามธรรมชาติ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากไม้ไผ่มักมีความสวยงามและมีเสน่ห์ทางธรรมชาติ
4. มีความหลากหลายในการใช้งาน: ไม้ไผ่สามารถนำมาใช้ในการผลิตได้หลากหลายผลิตภัณฑ์ได้ เช่น กระบอกสำหรับเครื่องดื่ม, ถ้วย, จาน, หลอดดูด, และอื่น ๆ
โดยปกตินิยมใช้ไม้ไผ่ทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิเช่น หลอดดูดน้ำ ไม้จิ้ม ไม้ธง แก้วน้ำไม่ไผ้ กระบอกน้ำไม้ไผ้ ถ้วยและจานไม้ไผ่ กระปุกใส่ของต่างๆและอีกมากมาย
10. หวาย
ในสมัยก่อนและจนถึงปัจจุบัน ไม้หวายมีความนิยมสูงในการใช้ในการผลิตตะกร้า ชะลอม และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมายในประเทศไทย ด้วยลักษณะที่เหนียวแข็งแรง ไม้หวายเหมาะสำหรับการใช้งานในสิ่งที่ต้องการความแข็งแรงและความทนทาน เช่น ตะกร้าที่ใช้ในการเก็บผลผลิตทางการเกษตรหรือผลิตภัณฑ์อาหารที่มีน้ำหนักมาก ชะลอมที่ใช้ในการสะบัดข้าวหรือผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการโครงสร้างที่แข็งแรง
นอกจากนี้ ไม้หวายยังมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างได้ง่ายตามความต้องการ และมีความหลากหลายในการใช้งาน นอกจากนี้ ไม้หวายยังเป็นวัสดุที่มีความหลากหลายในสีและลวดลายธรรมชาติ ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากไม้หวายมีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น
โดยปกตินิยมใช้หวายทำเป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุ อาทิเช่น ชะลอมหวาย ถาดหวาย ตระกร้าหวาย เก้าอี้หวาย กระเป๋าหวาย และอีกมากมาย
เรียบเรียงบทความโดย
ของบริษัท วันเอเชียฟู้ด จำกัด
ติดต่อและติดตามข่าวสารจากเรา